ในปัจจุบันเราคงรู้กันอยู่ว่า กระแสการดูแลสุขภาพกำลังมาแรง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ใคร ๆ ก็อยากออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพื่อลดความอ้วน หรือเพื่อเอาชนะใจตัวเอง ซึ่งเมื่อเราเข้าฟิตเนส จึงเป็นความชินตาเข้าไปทุกที ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็เริ่มมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาสวมใส่ บนร่างกาย แนะนำ Fitness Tracker เพราะในช่วง 1-2 ปี มานี้ หลาย ๆ ท่านอาจจะได้เห็น คนที่ออกกำลังกายมักจะใส่ Fitness tracker หลาย ๆ ยี่ห้อ จนอาจจะมีคนสงสัยว่า Fitness tracker มันดียังไง แล้วมันคืออะไร ในบทความนี้มีคำตอบ
แนะนำ Fitness Tracker ตัวช่วยสร้างสุขภาพ คืออะไร
แนะนำ Fitness Tracker คืออุปกรณ์ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวเรา ได้ตลอดเวลาที่เราสวมใส่มัน ซึ่งเป็นสายรัดอัจฉริยะ มีฟังก์ชั่นพื้นฐาน ในการติดตามการเคลื่อนไหวของเรา นับก้าวที่เดิน-วิ่ง, ระยะทาง, แคลอรีที่เผาผลาญ ในรุ่นที่เทคโนโลยีเหนือกว่า อาจจะมีทั้งการวัดชีพจร (Heart Rate) GPS บอกทิศทางในตัว การแจ้งเตือนการนอน การแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ การวิเคราะห์การนอน และการจัดการจำพวกรับสาย รับอีเมลล์ ตั้งปลุกฟังเพลง รวมไปถึงการออกกำลังกาย เป็นต้น
Fitness Tracker มีประโยชน์อย่างไร ทำอะไรได้บ้าง
แนะนำ Fitness Tracker ทำอะไรได้บ้าง คำตอบที่ได้ก็คือ ถ้าเราทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง ที่เราเคยชินได้ เช่น ถ้าเราเดินในแต่ละวัน 3,000 ก้าว แต่เป้าหมายคือ 8,000 ก้าว เราก็เดินให้เยอะขึ้นทีละนิด ๆ ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว เช่น วิ่ง ก็สามารถดูได้ว่า เราวิ่งไปแล้วเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร แล้วค่อย ๆ เพิ่มไปในแต่ละวัน
สำหรับการนอนหลับ ยังสามารถดูได้ว่า นอนหลับไปแล้วกี่ชั่วโมง ซึ่งแบ่งได้ว่าหลับ หรือหลับลึก ๆ ก็คือการนอนหลับแบบไม่ฝัน คือหลับสนิทจริง ๆ ถ้าเรามีเวลาหลับลึกที่สั้น แสดงว่าเราอาจจะกำลังเครียด วิตกกังวล เป็นต้น
มันสามารถเชื่อมมือถือในบ้าง ในบางรุ่น และมือถือนั่นก็สามารถซื้อได้ในราคาไม่ต้องสูงมากนัก เรามีบทความ ซื้อมือถือ งบ 4,000 บาท เมาแนะนำ บอกเลยว่า ตอบโจทย์ และยังเป็นมือถือรุ่นฮิต แอนดรอย
แนะนำ Fitness Tracker รุ่นยอดนิยม ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง
แนะนำ Fitness Tracker กับฟังก์ชันที่ทุกคนต้องมองหา ก็คือฟังก์ชันการออกกำลังกาย ว่ามีความหลากหลายหรือไม่ หรืออย่างน้อย ๆ จะต้องมีโหมดกิจกรรม ที่คุณใช้เป็นประจำเช่น การวิ่ง การนับก้าวเดิน ไปจนถึงการยกน้ำหนัก การว่ายน้ำ และกิจกรรมผาดโผนอื่น ๆ ทั้งนี้ยิ่งมีโปรแกรมการออกกำลังเยอะก็ยิ่งทำให้คุณมีตัวเลือกเยอะขึ้น และเราจึงขอ แนะนำ Fitness Tracker ที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
1. Amazfit Band 7
ราคา 1,390 บาท
แนะนำ Fitness Tracker ตัวใหม่ของค่าย Amazfit อย่าง Amazfit Band 7 ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Huawei Band 7 มาก ๆ จะต่างกันก็ตรงที่ของ Amazfit ไม่มีปุ่มกด (ปุ่ม Home) ที่ตัวเครื่อง ดังนั้น การจะให้หน้าจอแสดงผล จึงต้องอาศัยการแตะ หรือการยกข้อมือขึ้น ซึ่งทำให้มันจะต้องคอยสแตนบายหน้าจออยู่ตลอดเวลา และเป็นที่มาของสาเหตุแบตฯ หมดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามข้อดีของ Amazfit รุ่นนี้คือมีความจุแบตฯ ที่สูงมากถึง 232 mAh ดังนั้น เราจึงสามารถใช้งานได้หลายวัน โดยที่ไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ ที่สำคัญใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับมือใหม่มาก ๆ ค่ะ
2. Huawei Band 7
ราคา 1,191 บาท
สำหรับนาฬิกาอัจฉริยะในรุ่น Huawei Band 7 ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ สีสดคมชัด แถมยังใช้งานง่ายมาก ๆ มาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์ที่บางสุด ๆ จนแทบจะเป็นระนาบเดียวกับตัวเรือน แม้ว่าภายนอกจะดูคล้ายกันกับของ Amazfit แต่ Huawei มีน้ำหนักเบากว่า ที่สำคัญคือ Huawei มาพร้อมกับปุ่ม Home ที่ตัวนาฬิกา ซึ่งต่างจาก Amazfit และ Xiaomi ที่ไม่มีปุ่มเปิด-ปิดในส่วนนี้ ดังนั้น มันจึงค่อนข้างใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่ม Home ค้างไว้สัก 5 วินาที เครื่องก็จะเปิด-ปิดได้ดั่งใจเลยค่ะ
3. Garmin vivosmart 5
ราคา 5,290 บาท
สำหรับใครที่ชื่นชอบนาฬิกาอัจฉริยะ จากแบรนด์ใหญ่แบรนด์ดังในตลาด แนะนำ Fitness Tracker อย่าง Garmin ที่คุณจะต้องหลงรัก Garmin vivosmart 5 รุ่นนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะหากคุณมองแค่ในรูปอาจทำให้รู้สึกเฉย ๆ แต่เมื่อหากสวมจริง ๆ ด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยนี้ จะช่วยทำให้ข้อมือของคุณดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา แถมทาง Garmin ยังออกแบบตัวเรือนมาให้มีองศา ที่โค้งรับกับข้อมือได้เป็นอย่างดี ส่วนสายวัสดุก็นุ่มมาก ๆ สามารถถอดออกเปลี่ยนสายได้ อย่างง่ายดายเลยค่ะ
4. Xiaomi Mi Band 7
ราคา 1,289 บาท
Mi Band 7 รุ่นที่ออกมาใหม่ล่าสุด เพราะทางแบรนด์ ได้มีการเพิ่มขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น ทั้งยังเปลี่ยนความจุของแบตเตอรี่ให้สูงถึง 180 mAh ที่เท่ากับของ Huawei เลยค่ะ แต่ของ Xiaomi ดีไซน์จะมีความคล้ายกับ Garmin มากกว่า นั่นคือเน้นขนาดเล็กที่พอดีกับข้อมือ ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป เป็นการออกแบบ Unisex ที่สามารถใส่ได้ทุกเพศทุกวัย โดยข้อดีอย่างของ Xiaomi ก็คือมีโหมดกีฬาและกิจกรรมให้เลือกมากถึง 120 โหมด ที่จะช่วยให้คุณเล่นกีฬาและฝึกฝนตัวเองได้อย่างครอบคลุม ถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาหลายประเภทแต่มีงบประมาณจำกัด
5. FITBIT Inspire 3
ราคา 3,990 บาท
สุดท้ายเราขอ แนะนำ Fitness Tracker แบรนด์ FITBIT อย่าง FITBIT Inspire 3 ตัวนี้คุณจะต้องชอบอย่างแน่นอนค่ะ เพราะว่ารุ่นนี้จะเหมือนรุ่น Charge 5 ทุกอย่าง แต่ต่างกันตรงที่จะไม่มี GPS และเซ็นเซอร์ EDA เพื่อติดตามความเครียดอย่างใกล้ชิดมาให้ แต่ไม่ก็เป็นไรค่ะ เพราะ Inspire 3 มีการฝึกผ่อนคลายการหายใจที่ Charge 5 ไม่มี แถมอายุการใช้งานก็มากกว่าด้วย เนื่องจากสามารถอยู่นานถึง 10 วันเลยทีเดียว
แนะนำ 4 หูฟังออกกำลังกายรุ่นใหม่ ใช้ควบคู่กันได้ดีสุด ๆ เลย